หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติ ชินจิ คากาวะ ตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนต่อไป

          ในปี 2012 แมนเชสเตอร์  ยูไนเต็ด  ได้คว้า นักเตะ มาจำนวน 2 ราย  1 ใน 2 ราย ก็คือ  ชินจิ  คากาวะ ( Chinji Kagawa )  นักเตะหน้าตี๋ จากดินแดนปลาดิบ
ชินจิ คากาวะ ( Chinji Kagawa ) วลีหนึ่งจากปากของดาวเตะเลือดซามูไร
                  " ผมอยากสร้างประวัติศาสตร์กับแมนยูไนเต็ด"
        
          ผมเชื่อว่าก่อนหน้านี้ แฟนบอลชาวไทย ที่ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ หรือ ผู้ที่ชื่นชอบในทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงเคยได้ยินชื่อ ของนักเตะผู้นี้กันบ้างแล้ว และคงไม่ให้ความสนใจในกองกลางรายนี้เท่าใดนัก
          แต่ในห้วงการซื้อขายนักเตะ ที่ผ่านมา ชินจิ ได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ คงทำให้ หลายๆ คน อยากทำความรู้จักกับนักเตะรายนี้มากขึ้น  ครับ

          ประวัติ

ชื่อ  ชินจิ  คากาวะ  ( Chinji  Kagawa )
วันเดือนปีเกิด   17 มีนาคม  พ.ศ.2532   อายุ  23  ปี
เกิดที่  เมืองโกเบ  ประเทศญี่ปุ่น
ส่วนสูง  172  เซนติเมตร ( 5 ฟุต 7 1/2 นิ้ว )
ตำแหน่งที่ถนัด   มิดฟิลด์ ตัวรุก  ,  ปีกซ้าย-ขวา
สโมสรปัจจุบัน  แมนเชสเตอร์  ยูไนเต็ด
หมายเลข  26
เล่นระดับเยาวชนกับทีม  เอฟซี มิยากิ  (FC Miyagi)  ปี 2001-2005
เล่นฟุตบอลอาชีพกับ เซเรโซ  โอซาก้า (Cerezo Osaka ) ปี 2006-2010  ลงเล่น  125 นัด  55 ประตู
                       กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุน ปี 2010-2012  ลงเล่น  49 นัด  21 ประตู
เล่นฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่  ลงสนาม  33 นัด ได้  11 ประตู


          เชื่อได้ว่า การเข้าร่วมปีศาจแดง ของนักเตะญี่ปุ่นรายนี้ จะมาสร้างความแตกต่างให้ทีมต้นสังกัดใหม่ของเขาอย่างแน่นอน สนน ราคาค่าตัว 17 ล้านปอนด์ สำหรับการดึงเขามาจากโบรุสเซียน ดอร์ทมุน จะคุ้มค่าหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ฤดูกาล 2012 ครับ
                    
          วิเคราะห์สไตล์การเล่น ชินจิ คากาวะ


          คากาวะ เป็นนักเตะที่มีความอันตราย ทั้งในและนอกกรอบเขตโทษ โดยเป็นนักเตะที่รูปร่างเล็กแต่ความคล่องตัวสูง สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนหน้า รวมถึงริมเส้น  ด้วยวัยเพียง 23 ปี ความเร็วของเขา คือสิ่งที่กองหลังคู่ต่อสู้ประมาทไม่ได้อย่างแน่นอน ลูกฟรีคิก การส่งบอล ทำได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ บทพิสูจน์กับโบรุสเซียดอร์ทมุน 49 นัด 21 ประตู คือสิ่งที่สนับสนุนความเฉียบคมของนักเตะแดนปลาดิบรายนี้ได้เป็นอย่างดี  ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล  ประตูแรก ของชินจิ มาเร็วเท่าไร ก็จะกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร  ร่วมกับเวนย์ รูนนี่ แดนนี่ เวลเบ็ค คงเป็นสิ่งที่แฟนๆ ปีศาจแดง ทุกคนรอคอย และคุณสมบัติ ในการทดแทนได้ทุกตำแหน่งในแผงหน้า และกราบซ้ายขวา นี่แหละทำให้ป๋าเฟอร์กี้ ปลาบปลื้มไม่ยาก อยากให้พรีเมียร์ลีกเปิดสนามเร็วๆจังครับท่าน
         
                    

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เตะบอลให้ไกล วิธีเตะฟุตบอลให้ไกล เตะบอลให้เลยครึ่งสนาม

          สำหรับเกมฟุตบอลสมัยใหม่ ลูกฟุตบอลที่ใช้ในการเล่น มีน้ำหนักเบากว่า สมัยก่อน และทำให้ระยะเพิ่มขึ้น   และสร้างความได้เปรียบให้กับทีมตนเอง จากการที่ลูกฟุตบอลมีจุดตกที่ใกล้ประตูของฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด
          วันนี้ ผมจะนำเทคนิค ของการเตะฟุตบอลอย่างไรให้ไกล  ให้เกินครึ่งสนามฟุตบอล หรือเลยวงกลมกลางสนามไปให้ได้มากที่สุด  ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็น ของผู้รักษาประตู  และกองหลังครับ
          โดยองค์ประกอบที่ต้องคำนึงถึงได้แก่
          1. มุมการยืนของนักฟุตบอล กับลูกฟุตบอล
          2. ความห่างระหว่าง นักฟุตบอล กับลูกฟุตบอล
          3. การวางเท้า , ระยะห่างของเท้ากับลูกฟุตบอล ก่อนที่จะเตะ
          4. ลักษณะของเท้าที่ใช้เตะ
          5. จุดที่เท้าปะทะลูกฟุตบอล
          6. การฟอลโล่ทรูของเท้า หลังจากที่ลูกบอลออกไปแล้ว

1. มุมการยืนของนักฟุตบอล กับลูกฟุตบอล



ตำแหน่งของการยืนก่อนเตะลูกฟุตบอล
          ก่อนเตะลูกฟุตบอล สำหรับ การยืนให้ยืนทำมุมประมาณ  45 องศา กับลูกฟุตบอล

2. ความห่างระหว่างนักฟุตบอล กับลูกฟุตบอล

          วิธีเช็ค ง่ายๆ  ให้นักฟุตบอล  ยืนเป็นแนวเดียวกับลูกฟุตบอลก่อน แล้วถอยหลังไป  5  ก้าว
(สำหรับผู้ที่ถนัดเท้าขวา)   จากนั้น ให้ก้าวเท้าไปทางด้านซ้ายมือประมาณ 3 ก้าว เท่านี้ก็จะยืนทำมุม 45 องศา กับลูกฟุตบอลแล้วครับ

3. การวางเท้า , ระยะห่างของเท้ากับลูกฟุตบอล ก่อนที่จะเตะ



การวางเท้า ระยะห่างของเท้าวาง กับลูกฟุตบอล ห่างกันประมาณ 1 1/2 ของขนาดลูกฟุตบอล
          การวางเท้าที่ถูกต้อง  คือ   เท้าที่วาง ห่างจากลูกฟุตบอล ประมาณ  1 1/2 ของขนาดลูกฟุตบอล ดูตามตัวอย่างภาพข้างต้นครับ   และสังเกตแนวปลายเท้าข้างซ้าย จะอยู่เสมอแนวลูกฟุตบอล

 4. ลักษณะของเท้าที่ใช้เตะ     

การวางเท้าสำหรับเตะลูกให้ไกล
         
          ข้อสำคัญของการปะทะลูกบอล คือ ต้องเหยียดและงุ้มปลายเท้า  จุดสัมผัสของลูกบอลคือใต้ลูกครับ
          ทีนี้มาดูจุดปะทะว่า เราต้องเตะจุดไหนของลูกบอล


5. จุดที่เท้าปะทะลูกฟุตบอล


          จุดที่เท้าปะทะลูกฟุตบอลคือบริเวณจุดสีแดง  ให้ใส่ให้เต็มๆ ไม่ใช่ลักษณะการช้อนลูก

6. การฟอลโล่ทรูของเท้า หลังจากที่ลูกบอลออกไปแล้ว


การส่งเท้าหลังจาก เตะผ่านลูกฟุตบอลไปแล้ว

          การฟอลโล่ทรู หรือการส่งเท้าหลังจากเตะลูกฟุตบอล เป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้ร่างกายไม่เกิดภาวะหยุดชะงัก  การส่งเท้าไปลักษณะสบายๆ  ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  การฟอลโล่ทรู ให้ดูตัวอย่างภาพข้างต้นครับ


          สิ่งสำคัญคือ ในระหว่างการฝึกซ้อม  นักฟุตบอลที่ฝึกซ้อมการเตะไกล ความหาจังหวะ ในการเตะลูกด้วยตนเอง

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การเตะบอลให้แรง การยิงประตูให้แรง

          การยิงประตู เป็นองค์ประกอบสำคัญ อย่างหนึ่ง ที่ขาดไม่ได้ของนักฟุตบอล ที่ทุกคนแม้แต่กองหลังหรือผู้รักษาประตูก็ต้องมีทักษะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการยืนอยู่ในสนาม
          ความสวยงามของการยิงประตู มันก็ศิลปะอย่างหนึ่ง ที่เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กีฬาลูกหนัง ไม่มีวันเสื่อมถอย   อาจไม่ตรงกับทัศนคติของโค้ช ทุกคนว่า  "ประตูที่สวยที่สุด  คือประตูที่ข้ามเส้นประตูเข้าไปแล้ว ลูกฟุตบอลไปนอนซุกอยู่ก้นตาข่าย."
          จริงอยู่การยิงประตูมีหลากหลายรูปแบบ  เช่น  แปผ่านตัวผู้รักษาประตู  ใช้ความสามารถพิเศษล็อคฟุตบอลหลบผู้รักษาประตู  ทำประตูด้วยการโหม่ง ฯลฯ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สร้างสไตล์การยิงไกลที่เร็ว และแรง จนผู้รักษาประตูทั่วโลกหวาดผวา
          แต่ประตู แบบที่ ทำให้คนดูสะใจ(โดยเฉพาะผม) มากที่สุด คงไม่พ้น ลูกยิงไกล ซึ่งมีในเรื่องของ  ความเร็ว ความแรง น้ำหนัก บวกกับทิศทางของลูก  
         ภาษานักฟุตบอลเค้าเรียกว่า
         " ยิงเข้าข้อ "
         ทำให้รู้อีกอย่างเลยครับว่า  การยิงเข้าข้อ  มิใช่ยิงโดยปลายเท้าหรือ ส้นเท้า แต่อย่างใด แต่ก็ไม่ใช่ เอาส่วนที่เป็นข้อต่อ ระหว่างขากับเท้ายิง

จุดที่เท้าเข้าปะทะลูกฟุตบอลแล้ว เกิดความรุนแรงมากที่สุด

          เริ่มแรก  เรามาทำความเข้าใจของจุดปะทะ หรือส่วนของหลังเท้าที่ปะทะลูกฟุตบอล แล้วก่อให้เกิดความรุนแรงมากที่สุดก่อน      บางคนอาจจะถนัดเตะโดยใช้ปลายเท้า หรือส่วนที่ต่ำลงไปจากภาพนะครับ ก็ไม่ได้คัดค้าน    แต่ให้ท่านลองสังเกตภาพด้านล่าง เพื่อเป็นแท็กติกในการคิดนะครับ
กระดูกส่วนบนของนิ้วหัวแม่เท้า มีขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่า 4 นิ้วที่เหลือ



          จึงเป็นธรรมดาว่า การเตะลูกฟุตบอล บริเวณปลายเท้าหรือส่วนซึ่งไม่ใช่ จุดอ้างอิงนี้ ย่อมใช้กำลังมากกว่า และพลังของลูกฟุตบอลที่พุ่งออกไปจากเท้าจึงแตกต่างกัน สังเกต จากนักฟุตบอลอาชีพ ที่การวาดเท้าในการเตะ ดูเหมือนออกแรงไม่มาก  หากแต่ลูกฟุตบอลพุ่งทะยานออกไปอย่างรุนแรง
          
           ทุกท่านก็ทราบจุดสำคัญหรือเข็มแทงชนวน บนเท้าของเราแล้ว  ต่อไป มาดูจุดระเบิดพลังของ เท้าเรา จะต้องไปปะทะบริเวณจุดใดของลูกฟุตบอล

จุดที่เท้าประทะลูกฟุตบอล...

          ใช้กำลังในการเตะ ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นก็เพียงพอแล้ว  เพียงเน้นแค่ให้จุดสัมผัส ของเท้าและลูกฟุตบอล ตรงกัน ลูกบอลถ้าโดยพิกัดสีแดง ที่มาร์กไว้  บอลจะส่ายไปมา  และมักสร้างปัญหาให้กับผู้รักษาประตู
           เคยสังเกตไหมครับว่า นักฟุตบอลบางท่าน ขณะเตะลูกฟุตบอล  ทำท่าจะเตะลูกฟุตบอล เกร็งไปทั้งตัว สันกรามขึ้น กันฟันกรอด มือไม้ ขาแขน เกร็งไปหมดทุกอย่าง อวัยวะส่วนต่างๆ ขัดขืนกันไปหมด   มีแรงอยู่ 100 ก็ใส่ไป 100 เรียกง่ายๆ ว่า ลงทุนเยอะ แต่กำไรน้อย  บอลแป้ดซ้าย แป้ดขวา เตะขุดดินมั่ง วืดมั่ง ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ครับ
           เอาชนิดแบบที่ผมว่าคือ  ลงทุนน้อย แต่กำไรมหาศาล ครับ  ใช้แรงแค่ 60-70 เปอร์เซ็นพอในการเตะ  เน้นการคอลโทรลลูก ให้สู่เป้าหมายดีกว่า  และผมรับประกันครับว่า   แรงกว่าเตะด้วยพละกำลัง 100 เปอร์เซ็น เห็นๆ

           ที่สำคัญครับ... "  ร่างกายต้องรีแล็กซ์  ความผ่อนคลายจะทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ทำงานมากกว่า เป็นบ่อเกิดแห่งพลังงาน.. "

           นี่เป็นพื้นฐานของทฤษฏีฟุตบอลนะครับ.. 2 อย่างที่เพื่อนๆ ต้องจำ คือ จุดที่แข็งที่สุดของหลังเท้าอยู่ที่ใด   และต้องนำจุดที่แข็งหรือจุดแทงชนวนระเบิด ไปปะทะลูกบอลบริเวณใด

           ต่อไปเราจะมาดูลักษณะเท้าที่ใช้ยิงฟุตบอล เราต้องจัดท่าทางของเื้ท้าให้อยู่ลักษณะใดถึงจะเกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น



การยิงลักษณะเหยียดหรืองุ้มปลายเท้า

           การยิงประตู หากเราไม่เหยียดหรืองุ้มปลายเท้่า  ทำให้การปะทะของเท้าของลูกฟุตบอล เป็นลักษณะช้อนลูก   จะปะทะให้โดนหลังเท้า เป็นไปได้ยาก
           ตามภาพ  เป็นการเหยียดและงุ้มปลายเ้ท้าของนักฟุตบอลอาชีพจังหวะการยิงประตู  ลูกที่ออกไปจะพุ่งในองศาต่ำ  เร็ว และแรง โดยขนานไปกับพื้นจนกว่าลูกฟุตบอลหมดกำลัง
           แต่การจัดเท้าในลักษณะนี้  ในการฝึกซ้อมครั้งแรก  นักฟุตบอล มักไม่ค่อยถนัดในการเหยียดเท้าในท่าทางดังกล่าว    .. มาถึงตรงนี้แล้ว   ต้องหมั่นฝึกซ้อม อย่างเดียวครับ  มันจะฝืนธรรมชาติหน่อยๆ